แอสไพรินเป็นยาที่ใช้กันมาอย่างยาวนานและแพร่หลาย จัดเป็นยาที่อยู่ในรายการจำเป็นขององค์การอนามัยโรค เพราะเป็นยาที่ใช้รักษาได้สารพัดอย่าง ทั้งแก้ปวด ลดไข้ ลดการอักเสบ ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดในสมองและหัวใจ ซึ่งเป็นยาที่สำคัญต่อระบบสุขภาพพื้นฐานของมนุษย์ แต่ก็มีข้อบ่งใช้ที่ควรระวังอยู่เช่นกัน
แอสไพริน (aspirin) อยู่ในกลุ่มยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ มีกลไกลในการยับยั้งเอนไซม์ที่ทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งมีชื่อว่า ไซโคลออกซิจีเนส (Cyclooxygenase) หรือเรียกสั้นๆว่า ค็อกซ์ (COX) และยังทำให้เลือดเกาะกลุ่มกันได้ยากมากขึ้นอีกด้วย
วิธีการใช้ยา
- สำหรับแก้ปวด ใช้ยาในปริมาณ 600-650 มิลลิกรัมขึ้นไป เพื่อบรรเทาอาการปวดปานกลางถึงขั้นรุนแรง หากอาการยังไม่ดีขึ้น ให้รับประทานซ้ำได้ โดยควรเว้นระยะห่างกันประมาณ 4-6 ชั่วโมง
- สำหรับลดไข้ ใช้ยาในปริมาณ 500-1000 มิลลิกรัมขึ้นไป รับประทานโดยเว้นระยะห่างกันประมาณ 4-6 ชั่วโมง
- สำหรับแก้อักเสบ ควรใช้ยาในปริมาณ 3-6 กรัมต่อวัน โดยให้แบ่งรับประทาน 3-4 ครั้งภายใน 1 วัน
- สำหรับป้องกันการเกิดลิ่มเลือด ใช้ยาในปริมาณที่ต่ำคือ 75-325 มิลลิกรัม โดยใช้เพียงวันละ 1 ครั้งหลังอาหารเช้าต่อเนื่องกันทุกวัน
ข้อควรระวัง
- ควรหลีกเลี่ยงในการใช้ยานี้สำหรับผู้ที่เสี่ยงต่อภาวะเลือดออก เช่น ผู้ที่ต้องผ่าตัด ถอนฟัน เป็นความดันโลหิตสูง หรือเป็นไข้เลือดออก เพราะยานี้จะไปยับยั้งการจับตัวกันของเกล็ดเลือด ทำให้เลือดหยุดไหลช้าได้
- ควรรับประทานยาแอสไพรินหลังอาหาร และควรดื่มน้ำตามมาๆ เนื่องจากยามีฤทธิ์ทำให้กระเพาะอาหารระคายเคือง ซึ่งอาจทำให้เป็นแผลในกระเพาะอาหาร หรือกระเพาะอาหารอักเสบได้
- ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ร่วมกับยาแก้อักเสบชนิดอื่นๆ เพราะจะทำให้ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารยิ่งขึ้น หรือหากจำเป็นต้องรับประทานคู่กันจริงๆ ก็ควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนใช้ยา
- ไม่ควรใช้ยานี้ร่วมกับยาละลายลิ่มเลือดชนิดอื่น เพราะจะออกฤทธิ์แรงมากเกินไป ทำให้เลือดไม่หยุดไหล จนอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
- หลีกเลี่ยงการใช้ยานี้สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน และโรคเกาต์ เพราะอาจทำให้อาการแย่ลงได้
ผลข้างเคียง
- ง่วงซึม
- หายใจลำบาก
- หายใจเร็วผิดปกติ มีอาการชัก
- มีผื่นคัน
- บวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น และลำคอ
- ปวดหัว ปวดท้อง
- คลื่นไส้ อาเจียน
- อุจจาระเป็นเลือดหรือมีสีดำ
หากพบอาการเหล่านี้ ควรหยุดใช้ยา และรีบไปพบแพทย์ทันทีพร้อมนำตัวยาที่รับประทานไปด้วย เพื่อที่แพทย์จะได้วินิจฉัยอาการได้อย่างถูกต้อง
แม้ว่ายาแอสไพรินจะมีสรรพคุณมากมาย แต่หากเราใช้ไม่ถูกวิธี ใช้เกินขนาด หรืออาจแพ้ตัวยานั้นจริงๆ ก็อาจก่อให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน จึงควรมีความระมัดระวังในการใช้ยา อ่านฉลากก่อนทุกครั้ง และอย่าลืมปรึกษาแพทย์และเภสัชกรเกี่ยวกับวิธีการใช้ยาที่ถูกต้องก่อนด้วย เพื่อช่วยเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยของตัวเราเองและคนที่คุณรัก