อาบนํ้าแข่งกับผี

ประสบการณ์สยองขวัญ

ฉันมีพี่สาวอยู่คนหนึ่งซึ่งเธอกำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยต่างจังหวัด ในช่วงปิดภาคฤดูร้อน ดิฉันได้ไปอยู่เป็นเพื่อนพี่สาวที่หอพักในมหาวิทยาลัย เพราะพี่ต้องเรียนพิเศษในภาคฤดูร้อนด้วย ซึ่งในหอพักนั้นมีนักศึกษาอยู่เพียงไม่กี่คน

หอพักที่เราสองคนอยู่นั้น ปิดเวลาประมาณตีสอง ในคืนหนึ่ง หลังจากที่ดิฉันและพี่สาวกลับมาจากเที่ยวกลางคืน เวลาตอนนั้นประมาณเกือบตีสองแล้วเราสองคนก็พากันไปอาบน้ำในห้องน้ำ ขณะที่ฉันอาบน้ำอยู่นั้น ก็มีคนมาเคาะประตูเรียกและตะโกนถามว่า

“มาอาบน้ำแข่งกันไหม”

ออกจะแปลกใจอยู่บ้างว่าเมื่อกี้พี่สาวฉันก็เข้าห้องน้ำไปแล้วและตอนนี้ออกมาเคาะทำไม

แต่ก็ตอบว่าเอาซิ แล้วฉันก็ได้ยินเสียงหัวเราะแปลก ๆ บวกกับเสียงพูดว่า

“ดีใจจัง ๆ ”

ฉันรู้สึกขนลุกขึ้นมาแล้ว ไม่แน่ใจว่าคนข้างนอกจะเป็นพี่สาวฉันหรือเปล่า เพราะเสียงน้ำในห้องของฉันทำให้ได้ยินเสียงนั้นไม่ชัดนัก ในใจก็นึกอยู่ว่าจะเป็นพวกโรคจิตหรือเปล่า

หลังจากอาบน้ำเสร็จฉันก็เปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ ได้ยินเสียงน้ำจากห้องข้าง ๆ ซึ่งแสดงว่าพี่กำลังอาบน้ำอยู่ ฉันจึงตะโกนบอกว่า “เสร็จแล้วนะ” แล้วเปิดประตูออกไปพบกับสิ่งที่ทำให้หัวใจเกือบหยุดเต้น

นั่นคือภาพผู้หญิงที่ฉันไม่เคยรู้จักมาก่อน เธอมายืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำ พร้อมกับเสยผมที่เปียกน้ำของเธอขึ้น หน้าเธอเปียกและขาวซีด เธอยิ้มพร้อมกับหัวเราะด้วยเสียงที่ฉันไม่สามารถอธิบายได้ว่า มันเป็นอย่างไรแต่มันทำให้ฉันรู้สึกอยากจะร้องดัง ๆ แต่ก็พยายามควบคุมสติไว้และภาวนาให้พี่ออกมาจากห้องน้ำเร็ว ๆ

หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะจนพอใจแล้ว เธอก็พูดขึ้นว่า

“เห็นไหม เสร็จก่อนแล้ว”

ฉันได้แต่พยักหน้ารับไปด้วยความงงงวยและเหมือนกับฝันไป

เธอคนนั้นค่อย ๆ เดินห่างไปเหมือนกับลอยได้ เสียงหัวเราะเธอยังก้องอยู่ในหู มาสะดุ้งอีกทีก็เมื่อพี่สาวมาเรียกถามว่ามายืนหน้าห้องน้ำทำไม ฉันก็ได้แต่เดินตามพี่กลับเข้าห้อง แล้วพี่สาวก็ถามฉันว่า เมื่อตอนอยู่ในห้องน้ำพูดกับกับใคร มีแต่เสียงบ่นอะไรอยู่คนเดียว

ฉันจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่ฟัง เท่านั้นแหล่ะ พี่ก็รีบบอกให้ฉันแต่งตัว และออกไปจากที่หอให้เร็วที่สุด ฉันก็ออกจะงง แต่คิดว่าคงมีเรื่องไม่ดีแน่เพราะไม่อย่างนั้นพี่คงไม่ทำอาการหวาดกลัวเช่นนั้น

เรารีบไปที่ประตูหอพักข้างล่างด้วยความหวังว่ามันคงยังเปิดอยู่ แต่แล้วต้องผิดหวังเพราะประตูปิดแล้ว พี่พูดขึ้นว่าท่าทางคงจะต้องไปปีนข้างประตูดาดฟ้า แล้วเราทั้งสองก็ได้ยินเสียงคนพูดมาลอย ๆ ว่า

“ดีจริง ๆ ” เท่านั้นแหล่ะค่ะ พี่สาวก็กระชากมือของฉันวิ่งขึ้นไปทางชั้นดาดฟ้าแล้วพยายามสุดวิถีทางที่จะงัดประตูตรงทางหนีไฟออกมา เพื่อจะออกจากหอไปให้ไกล

รู้สึกว่า ในตอนนั้นมีเสียงคนเดินมาตามทางมืดมิด เพราะในหอนี้น้อยคนนัก แทบจะไม่มีใครบนชั้น 4 เลยก็ว่าได้ ฉันพยายามไม่หันไปมองเข้าของเสียงแต่ก็อดจะปลอบใจตัวเองไม่ได้ว่าคงเป็นคนจึงหันไปมอง แล้วหัวใจก็แทบจะหยุดเต้น ฉันเห็นหน้าคนโผล่ออกมาจากประตูหน้าห้องน้ำเหมือนแอบมองเรา แต่หัวนั้นมีแต่ใบหน้าขาว ๆ ไม่มีตา จมูกหรือปาก ฉันรีบหันไปบอกพี่สาวให้รีบ ๆ งัดเข้า

แต่ทนกลัวไม่ไหว จิตหลอนมากขึ้นจนกรี๊ดออกมาสุดเสียง พร้อมกับกระชากประตูออกอย่างสุดแรงเกิด โชคช่วย ประตูเปิด พี่สาวฉันรีบกระชากมือฉันวิ่งไปแบบล้มลุกคลุกคลาน ตกกระไดหลายครั้ง จนเรามาถึงชั้นล่าง ก็ไม่รู้ว่าไปไหน เพราะในเวลานั้นมันดึกเกินกว่าที่จะมีรถผ่านเข้ามาทางหน้าหอ พี่จึงพาฉันไปนั่งเล่นที่ศูนย์ ร.ป.ภ. ของมหาวิทยาลัย

ฉันถามพี่ถึงเรื่องราวทั้งหมดว่า เหตุใดถึงได้กลัว ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ถูกหลอกเหมือนฉัน

พี่เล่าให้ฟังว่าเคยเจอคนมาท้าแข่งอาบน้ำเหมือนกัน แต่ตอนนั้นเป็นช่วงหน้าฝน ไฟในห้องน้ำเกิดดับ และพี่ก็เคยว่าคนที่มาท้าทำตัวเป็นพวกโรคจิต

เท่านั้นที่ใจนึก ก็มีความรู้สึกเหมือนมีคนมายืนอาบน้ำอยู่ข้าง ๆ และช่วยพี่ถูสบู่อีกยังมีมือเย็น ๆ มาลูบต้นคอ พร้อมกับค่อย ๆ บีบจนพี่กลัวจนต้องวิ่งออกมานุ่งผ้าเช็ดตัวข้างหน้าห้องน้ำแล้วรีบกลับไปบอกรูมเมท

เพื่อนร่วมห้องทุกคนก็พบเหตุการณ์อย่างนี้มาแล้วทุกคน สืบจากรุ่นพี่ก็ได้ทราบว่า พี่คนหนึ่งแกชอบวิ่งเล่นไปเคาะห้องเพื่อนในห้องน้ำให้เขาตกใจเล่น

วันหนึ่ง แกวิ่งลื่นหกล้มหัวกระแทกกับพื้นห้องน้ำ แต่ไม่มีใครทันออกมาจากห้องน้ำ จนแกขาดอากาศหายใจ กว่าจะไปถึงโรงพยาบาลก็ไม่มีออกซิเจนในสมอง อยู่โรงพยาบาลได้เกือบ 2 อาทิตย์ แกก็จากไป

นับแต่นั้นฉันขอย้ายกลับบ้าน โดยพี่สาวก็ย้ายไปอยู่หอนอกมหาวิทยาลัยแทนยอมเสียเงินเช่าบ้านแพง ดีกว่าอยู่ฟรีแล้วถูกผีหลอกจริงไหม