ยายวัย 73 ฮึดสู้โจร ตะโกนให้ตาช่วยเหลือ ตาวัย78 กลับนั่งมองนิ่ง

ข่าวบันเทิงล่าสุดวันนี้

วันนี้ (3 มีนาคม 2563) ร.ต.อ.สุธรรม ดีราชรัมย์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายสวมหมวกไหมปิดบังใบหน้า เข้าไปฉกกระเป๋าเงินร้านขายของชำของสองตายาย ในหมู่บ้านตะโก ต.อิสานเขต อ.เฉลิมพระเกียรติ ได้เงินไปหลายพันบาท จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนจะเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบ

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียวเลขที่ 74 หมู่ 12 บ้านตะโกพัฒนา ต.อิสานเขต ซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำ โดยมีนายสำเรียง ประสงค์ทรัพย์ อายุ 78 ปี และนางเสวียน ประสงค์ทรัพย์ อายุ 73 ปี เป็นเจ้าของร้านขายของชำดังกล่าว

จากการสอบถามยายเสวียน เล่าให้ฟังว่า ช่วงสายได้มีลูกค้าซึ่งเป็นผู้หญิงอายุประมาณ 30-35 ปี รูปร่างท้วม สูงประมาณ 150-160 เซนติเมตร สวมหมวกไหมพรมปิดบังใบหน้า สวมเสื้อแขนยาวสีน้ำตาลอ่อน ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีดำ-แดง มาจอดที่หน้าร้านโดยไม่ดับเครื่อง จากนั้นหญิงคนดังกล่าวก็ทำทีเข้ามาเดินเลือกซื้อของในร้านแล้วพูดหลอกหล่อบอกว่าตัวเองทำงานที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง พร้อมถามยายว่าสนใจจะเล่นหวยหุ้นหรือไม่แต่ยายปฏิเสธบอกว่าเล่นไม่เป็น

จากนั้นหญิงคนดังกล่าวก็ไปเดินเลือกของในร้านอีก พอยายเผลอก็แอบเข้าไปฉกกระเป๋าเงินที่เก็บไว้บริเวณด้านหลังร้าน ยายเข้าไปเห็นพอดี จึงตัดสินใจกระโดดเข้ากระชากหมวกไหมพรมที่คนร้ายสวมใส่ แล้วใช้มืออีกข้างพยายามตบตีคนร้ายเพื่อไม่ให้เอากระเป๋าเงินไป จนสามารถกระชากหมวกไหมที่คนร้ายสวมใส่ปิดบังใบหน้าออกได้ คนร้ายตกใจเพราะยายเห็นหน้าจึงรีบแย่งกระเป๋าวิ่งออกไปขึ้นรถจักรยานยานยนต์ที่จอดติดเครื่องไว้หน้าร้านขับหลบหนีไปได้เงินไปหลายพันบาทซึ่งเป็นเงินที่เก็บสะสมไว้จากการขายของ

คุณยายเสวียน​ ยังเล่าอีกว่า ช่วงที่สู้กับคนร้ายก็ตะโกนเรียกให้ตาซึ่งก็อยู่ในบ้านช่วย และโทรแจ้งตำรวจ แต่คุณตากลับนั่งมองเหมือนเฉยเหมือนกับคนโดนสะกดจิตแต่ยังเคราะห์ดีที่คนร้ายไม่มีอาวุธยายจึงไม่ได้รับบาดเจ็บแต่เมื่อสอบถามคุณตาว่าทำไมถึงไม่เข้าไปช่วยยาย คุณตาก็บอกว่าไม่รู้ตอบไม่ถูกเหมือนกันว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น ทั้งๆ ที่ได้ยินเสียงและเห็นยายสู้กับคนร้ายอยู่

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เฉลิมพระเกียรติ ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมนำหมวกไหมพรมที่คุณยายกระชากจากศรีษะคนร้ายจนหลุด ไปตรวจสอบหาร้านที่คนร้ายไปซื้อเพราะยังอยู่ในสภาพใหม่ รวมถึงจะได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ เนื่องจากร้านที่เกิดเหตุไม่ได้ติดกล้อง เพื่อจะได้เร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุชิงทรัพย์มาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน